แต่คุณรู้หรือไม่ว่ากลิ่นนี้ไม่ได้เป็นแค่ความรู้สึกหรืออุปทานไปเอง แต่เป็นปรากฏการณ์ที่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับ และที่สำคัญคือ เราทุกคนล้วนมีโอกาสเผชิญกับมันเมื่ออายุมากขึ้น กลิ่นคนแก่ไม่ได้หมายถึงกลิ่นตัวเหม็นอับที่เกิดจากการไม่รักษาความสะอาด แต่มันคือกลิ่นเฉพาะที่ร่างกายของคนสูงวัยผลิตขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและกระบวนการออกซิเดชันในร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการศึกษาพบว่ากลิ่นคนแก่มีองค์ประกอบทางเคมีเฉพาะที่แตกต่างจากกลิ่นของคนวัยหนุ่มสาว
เมื่ออายุมากขึ้นความสามารถของร่างกาย
ทำให้เกิดการสะสมและส่งกลิ่นที่หลายคนรู้สึกว่าเป็นกลิ่นเฉพาะของผู้สูงอายุ ที่น่าสนใจคือ กลิ่นนี้ไม่ใช่กลิ่นที่เกิดจากเหงื่อหรือความอับชื้น แต่เป็นกลิ่นที่มาจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิวหนังโดยตรง ปัจจัยที่ทำให้กลิ่นคนแก่เด่นชัดขึ้นมีหลายอย่าง นอกจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีเรื่องของอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน สภาพแวดล้อม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลต่อกลิ่นกายโดยรวม คนที่ทานอาหารที่มีไขมันสูงหรือของทอดบ่อย ๆ อาจมีการสะสมของกรดไขมันที่ส่งผลต่อกระบวนการออกซิเดชันของร่างกาย และทำให้เกิดสาร 2-Nonenal มากขึ้น
ในขณะที่ผู้ที่รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักผลไม้ จะช่วยลดกระบวนการออกซิเดชันและทำให้กลิ่นนี้ไม่รุนแรงจนเกินไป ปัจจัยอีกอย่างที่ทำให้กลิ่นคนแก่ชัดเจนขึ้นคือการลดลงของน้ำมันตามธรรมชาติในผิวหนัง เมื่ออายุมากขึ้น ต่อมไขมันทำงานลดลง ผิวจึงแห้งง่าย และเมื่อเกิดความแห้งนี้ องค์ประกอบของไขมันบนผิวหนังก็เปลี่ยนไป ทำให้สารที่ทำให้เกิดกลิ่นมีความเข้มข้นสูงขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือกลิ่นที่คนหนุ่มสาวอาจรับรู้ได้ชัดเจน
แล้วกลิ่นคนแก่สามารถป้องกันหรือกำจัดได้หรือไม่
แม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมดเพราะเป็นกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกาย แต่ก็สามารถบรรเทาและลดความรุนแรงลงได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสม เช่น การอาบน้ำเป็นประจำด้วยสบู่ที่ช่วยลดการสะสมของไขมันที่ถูกออกซิไดซ์ และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดกลิ่นกายโดยเฉพาะ น้ำมันหอมระเหยบางชนิด เช่น น้ำมันจากชาเขียว หรือลาเวนเดอร์ อาจช่วยลดความแรงของกลิ่นนี้ได้โดยการกลบกลิ่นเฉพาะตัวของร่างกาย นอกจากนี้ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็มีผลสำคัญ ควรเลือกใช้เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อไม่ให้กลิ่นถูกกักเก็บอยู่ในเนื้อผ้า
นอกจากปัจจัยทางร่างกายแล้ว ด้านจิตวิทยาก็มีบทบาทในการรับรู้กลิ่นคนแก่ด้วยเช่นกัน คนเรามักจะเชื่อมโยงกลิ่นกับความทรงจำและประสบการณ์ในอดีต หากเราเคยอยู่ใกล้ผู้สูงอายุที่มีกลิ่นเฉพาะตัว สมองของเราก็จะจดจำและเชื่อมโยงกลิ่นนั้นกับคนแก่โดยอัตโนมัติ แม้ว่ากลิ่นนั้นอาจไม่แรงหรือชัดเจนมากนักก็ตาม สิ่งนี้อธิบายได้ว่าทำไมบางคนจึงรู้สึกว่ากลิ่นคนแก่มีความคุ้นเคยหรือแม้แต่รู้สึกอบอุ่นใจ เพราะมันอาจเชื่อมโยงกับภาพความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกับปู่ย่าตายาย พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็สามารถช่วยลดกลิ่นคนแก่ได้ การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น ลดการสะสมของสารอนุมูลอิสระในร่างกาย การดื่มน้ำให้เพียงพอก็ช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกได้ดีขึ้น
